Saturday, September 24, 2011

พลอยประจำวันเกิด อัญมณีประจําวันเกิด Jewel Birthday

พลอยประจำวันเกิด อัญมณีประจําวันเกิด Jewel Birthday
พลอยประจำวันเกิด วันจันทร์
เกิดวันจันทร์ ควรใช้เครื่องประดับ อัญมณีที่เป็นสีเหลือง เรียกว่า “เศตาภรณ์” ได้แก่ บุษราคัม (Yellow Sapphire) โทแพซสีเหลือง (Yellow Topaz) ซิทริน (Citrine) เพทายสีเหลือง (Yellow Zircon) อำพัน (Amber) หยกสีเหลือง (Yellow Jade)
เพชรสีเหลือง (Yellow Diamond) ไข่มุกสีทอง (Golden Pearl) เป็นต้น

อัญมณีที่ใช้แต่งกายวันจันทร์คือ “มุกดา” (มุกดาหาร หรือ Moonstone) และ “โอปอล” (โอปอล หรือ Opal)

สีของอัญมณีที่เสริมการเงินคือ สีแสด
สีของอัญมณีที่เสริมการงาน(จะก้าวหน้า รุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ) คือ สีดำ
สีของอัญมณีที่เสริมความมีอำนาจ (มีเดช มีอำนาจ) คือ สีเขียว
สีของอัญมณีที่เสริมความมีสง่าราศี(เป็นที่ยกย่องเลื่อมใส เป็นที่รักใคร่ของคน) คือ สีดำ
สีของอัญมณีที่เสริมความเมตตา (ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา กรุณา) คือ สีฟ้า

พลอยประจำวันเกิด วันอังคาร
เกิดวันอังคาร ควรใช้เครื่องประดับอัญมณีที่เป็นสีชมพู เรียกว่า “ตามภาภรณ์” ได้แก่ ปะการัง (Coral) แซปไฟร์สีชมพู (Pink Sapphire) เบริลสีกุหลาบ (Rose Beryl)
สปิเนลสีชมพู (Pink Spinel) โทแพซสีชมพู (Ping Topaz)
เพชรสีชมพู (Pink Diamond) ไข่มุกสีชมพู ( Pink Pearl) เป็นต้น
อัญมณีที่ใช้แต่งกายวันอังคารคือ “ประพาฬ” (ปะการัง หรือ Coral)
สีของอัญมณีที่เสริมการเงินคือ สีเทา
สีของอัญมณีที่เสริมการงาน(จะก้าวหน้า รุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ) คือ สีฟ้า
สีของอัญมณีที่เสริมความมีอำนาจ (มีเดช มีอำนาจ) คือ สีดำ
สีของอัญมณีที่เสริมความมีสง่าราศี(เป็นที่ยกย่องเลื่อมใส เป็นที่รักใคร่ของคน) คือ สีแสด
สีของอัญมณีที่เสริมความเมตตา (ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา กรุณา) คือ สีแดง
พลอยประจำวันเกิด อัญมณีประจําวันเกิด Jewel Birthday พลอยประจำวันเกิด อัญมณีประจําวันเกิด Jewel Birthday
พลอยประจำวันเกิด วันพุธ
เกิดวันพุธ ควรใช้เครื่องประดับอัญมณีที่เป็นสีเขียว เรียกว่า “อินทนิล” ได้แก่ มรกต (Emerald) หยก (Jade) หยกออสเตรเลีย (Chrysoprase) หยกเม็กซิกัน (Calcite)
ทัวร์มาลีนสีเขียว (Chrome Tourmaline) เพริโดต์ (Peridot)
โกเมนสีเขียว (Green Garnet) เขียวส่อง (Green Sapphire) เป็นต้น
อัญมณีที่ใช้แต่งกายวันพุธคือ “มรกต” (มรกต หรือ Emerald)

สีของอัญมณีที่เสริมการเงินคือ สีฟ้า ถ้าเป็นพุธกลางคืน สีชมพู
สีของอัญมณีที่เสริมการงาน(จะก้าวหน้า รุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ) คือ สีแดง ถ้าเป็นพุธกลางคืน สีเขียว
สีของอัญมณีที่เสริมความมีอำนาจ (มีเดช มีอำนาจ) คือ สีแสด ถ้าเป็นพุธกลางคืน สีแดง
สีของอัญมณีที่เสริมความมีสง่าราศี (เป็นที่ยกย่องเลื่อมใส เป็นที่รักใคร่ของคน) คือ สีดำ สีเทา
ถ้าเป็นพุธกลางคืน สีขาว สีเงิน
สีของอัญมณีที่เสริมความเมตตา (ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา กรุณา)คือ สีขาว ถ้าเป็นพุธกลางคืน สีดำ สีเทา

พลอยประจำวันเกิด วันพฤหัสบดี
เกิดวันพฤหัสบดี ควรใช้เครื่องประดับอัญมณีที่เป็นสีส้ม หรือสีแสด เรียกว่า “ปิตาภรณ์” ได้แก่ โอปอลไฟ (Fire Opal) หยกแดง (Red Jade) หยกแดงไต้หวัน (Carnelian)
สปิเนลสีส้ม (Orange Spinel) แซปไฟร์สีส้ม (Padparadscha) ปะการัง (Coral) เป็นต้น
อัญมณีที่ใช้แต่งกายวันพฤหัสบดี คือ “ไพฑูรย์” (ตาแมว หรือ Chrysoberyl Cat’s Eye)
สีของอัญมณีที่เสริมการเงิน คือ สีขาว
สีของอัญมณีที่เสริมการงาน (จะก้าวหน้า รุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ) คือ สีชมพู
สีของอัญมณีที่เสริมความมีอำนาจ (มีเดช มีอำนาจ) คือ สีฟ้า
สีของอัญมณีที่เสริมความมีสง่าราศี (เป็นที่ยกย่องเลื่อมใส เป็นที่รักใคร่ของคน) คือ สีแดง
สีของอัญมณีที่เสริมความเมตตา (ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา กรุณา) คือ สีเขียว
พลอยประจำวันเกิด อัญมณีประจําวันเกิด Jewel Birthday พลอยประจำวันเกิด อัญมณีประจําวันเกิด Jewel Birthday
พลอยประจำวันเกิด วันศุกร์
เกิดวันศุกร์ ควรใช้เครื่องประดับอัญมณีที่เป็นสีฟ้า หรือสีน้ำเงิน เรียกว่า “ปภัสราภรณ์” ได้แก่ ไพลิน (Blue Sapphire) โทแพซสีฟ้า (Blue Topaz) เพทายสีฟ้า (Blue Zircon) อะความารีน (Aquamarine) ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli) เทอร์คอยส์ (Turquoise) เพชรสีฟ้า หรือน้ำเงิน (Blue Diamond) เป็นต้น
อัญมณีที่ใช้แต่งกายวันศุกร์ คือ “เพชรรัตน์” (เพชร หรือ Diamond)
สีของอัญมณีที่เสริมการเงิน คือ สีเขียว
สีของอัญมณีที่เสริมการงาน (จะก้าวหน้า รุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ) คือ สีดำ
สีของอัญมณีที่เสริมความมีอำนาจ (มีเดช มีอำนาจ) คือ สีขาว
สีของอัญมณีที่เสริมความมีสง่าราศี (เป็นที่ยกย่องเลื่อมใส เป็นที่รักใคร่ของคน) คือ สีชมพู
สีของอัญมณีที่เสริมความเมตตา (ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา กรุณา) คือ สีแสด

พลอยประจำวันเกิด วันเสาร์
เกิดวันเสาร์ ควรใช้เครื่องประดับอัญมณีที่เป็นสีม่วง หรือสีดำ เรียกว่า “กัณหาภรณ์” ได้แก่ แอเมทีสต์ (Amethyst) แซปไฟร์สีม่วง (Violet Sapphire)
นิลตะโก (Black Spinel) โอนิกซ์ (Onyx) หยกดำ (Black Jade)
สตาร์ดำ (Black Star Sapphire) ไข่มุกสีดำ (Black Pearl) ปะการังสีดำ (Black Coral) เป็นต้น
อัญมณีที่ใช้แต่งกายวันเสาร์ คือ “นิลมณีรัตน์” (นิลกาฬ หรือ Blue Sapphire)
สีของอัญมณีที่เสริมการเงิน คือ สีแดง
สีของอัญมณีที่เสริมการงาน(จะก้าวหน้า รุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ) คือ สีขาว สีเหลืองอ่อน ๆ
สีของอัญมณีที่เสริมความมีอำนาจ (มีเดช มีอำนาจ) คือ สีดำ
สีของอัญมณีที่เสริมความมีสง่าราศี (เป็นที่ยกย่องเลื่อมใส เป็นที่รักใคร่ของคน) คือ สีฟ้า
สีของอัญมณีที่เสริมความเมตตา (ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา กรุณา) คือ สีชมพู
พลอยประจำวันเกิด อัญมณีประจําวันเกิด Jewel Birthday พลอยประจำวันเกิด อัญมณีประจําวันเกิด Jewel Birthday
พลอยประจำวันเกิด วันอาทิตย์
เกิดวันอาทิตย์ ควรใช้เครื่องประดับอัญมณีที่เป็นสีแดง เรียกว่า “รัตนาภารณ์” ได้แก่ ทับทิม (Ruby) สปิเนลสีแดง (Red Spinel) โกเมนสีแดง (Granet) ทัวร์มาลีนสีแดง (Rubellite) เพทายสีแดง (Red Zircon) เพชรสีแดง (Red Diamond) เป็นต้น
อัญมณีที่ใช้แต่งกายวันอาทิตย์ คือ “ปัทมราช” (ทับทิม หรือ Ruby)
สีของอัญมณีที่เสริมการเงิน คือ สีดำ สีเทา
สีของอัญมณีที่เสริมการงาน(จะก้าวหน้า รุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ) คือ สีแสด หรือสีส้ม
สีของอัญมณีที่เสริมความมีอำนาจ คือ สีชมพู และสีแดง
สีของอัญมณีที่เสริมความมีสง่าราศี (เป็นที่ยกย่องเลื่อมใส เป็นที่รักใคร่ของคน) คือ สีเขียว
สีของอัญมณีที่เสริมความเมตตา (ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา กรุณา) คือ สีดำ

พลอยประจำวันเกิด อัญมณีประจําวันเกิด Jewel Birthday
http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/General/Pakinaka/26.htm

Tuesday, September 20, 2011

How To Open An Online Jewelry Store With Jewelry Wholesale

How To Open An Online Jewelry Store With Jewelry Wholesale
Selling Wholesale Jewelry Online
dennislambert.articlealley.com/selling-wholesale-jewelry-online-998...
Opening your own jewelry store has never been easier than it is now. ... Again, setting up an online jewelry store with jewelry wholesale is one ... How To Open An Online Jewelry Store With Jewelry Wholesale

How To Open An Online Jewelry Store With Jewelry Wholesale. Opening your own jewelry store has never been easier than it is now. In fact, you can use the Internet to open your own online jewelry store and never stock a single piece of jewelry! In fact, your jewelry store could be open for business in less than a day – and the only thing you would need to do is market it! This is pretty much an instant business.

First, find jewelry wholesale suppliers. If you want a truly ‘hands-off’ business, find a wholesaler who will drop ship to your customers. This way, you never have to handle any of the stock. Here is how it works. You get your website set up, with an online catalog of all of the jewelry that you offer. You market that site to the public. Customers start visiting your site, and they place orders. You forward those orders to the drop shipper, and the drop shipper handles the rest!

Most wholesalers will require you to pay for the merchandise before it is shipped. This shouldn’t be a problem because you will require your customers to pay for their orders at the time the order is placed. Of course, you charge more for the jewelry than the wholesaler charges you.

In most cases, you will be allowed to set your own prices. Look to see what the wholesaler charges you, including shipping, then add 15% to 30% to that price. This is what you should charge your customers.

If you aren’t sure how to go about setting up a website, you can probably find a wholesaler who will provide you with a website. Most of these wholesalers charge a fee for the site, and your site will usually look like all of their other distributors. This should be your last option.

You may consider opening an eBay store. There is a fee for this as well, but at least your store will be unique. You can also bypass the eBay store and simply set up eBay auctions, which are very affordable for everyone. Make sure that you set a minimum reserve price for the jewelry that you are selling so that you don’t lose money, and make sure that the buyer pays all shipping costs and insurance.

Again, setting up an online jewelry store with jewelry wholesale is one of the easiest ways to start a business today. You can literally be up and running in a few short hours, and making money within twenty-four hours of ‘opening your doors!’

How To Open An Online Jewelry Store With Jewelry Wholesale
http://www.freearticles.com/article/How-To-Open-An-Online-Jewelry-Store-With-Jewelry-Wholesale/1043
http://demon002.over-blog.com/pages/men-s-love-best-emerald-jewelry-2704760.html

Wholesale Jewelry | Wholesale Silver Jewelry | Wholesale ...
www.wholesalegemshop.com/
wholesale silver jewelry and wholesale sterling silver jewelry is our specialty! Welcome to Wholesalegemshop.com. My name is Aaron and this is a small family ... How To Open An Online Jewelry Store With Jewelry Wholesale

Sunday, September 18, 2011

Top Five Diamonds of the World

Top Five Diamonds of the World. Diamonds come in all shapes and sizes. Beauty, they say, is in the eye of the beholder. But there are some natural wonders, such as the Grand Canyon or Mount Everest, whose beauty is objectively undeniable. And while diamonds as a whole are a rare and costly commodity, some diamonds are worth more than others. Over the course of history, miners have found diamonds that were so extraordinary, they became legends.

Diamond, Diamonds, Biggest Diamond, Diamond Industry, Israeli Diamond, Jewelry, Color Diamonds, Africa, De Beers, Zale, Gem, Eva Mendes, Wittelsbach, Millennium Star, The Spirit of de Grisogono, The Incomparable Diamond, aka the Star of Africa, The Golden Jubilee

For example, the Wittelsbach Diamond, a 35.56 blue diamond with an extraordinary pattern made of 82 facets, which was a prized possession of a long lineage of kings and queens. Or the Orlov, an Indian mogul cut diamond, believed to have once served as the eye of a Hindu deity statue. And what about the Golden Eye? No, not the James Bond movie starring Pierce Bronson, the Golden Eye Diamond is a 43.5 carat Canary Yellow diamond, which is considered the largest flawless perfect cut Canary Yellow diamond in the world.

There are dozens of other examples, but instead of listing them all, I present to you: the Top Five Diamonds of the World!
Top Five Diamonds of the World
5. The Millennium Star (Top Five Diamonds of the World)
Diamond, Diamonds, Biggest Diamond, Diamond Industry, Israeli Diamond, Jewelry, Color Diamonds, Africa, De Beers, Zale, Gem, Eva Mendes, Wittelsbach, Millennium Star, The Spirit of de Grisogono, The Incomparable Diamond, aka the Star of Africa, The Golden Jubilee

Weighing 203.04 carats, the Millennium Star is the second largest top-color diamond in the world. It was first unveiled during a De Beers display in October 1999. It has absolutely no internal or external flaws, and is shaped like a pear. The rough diamond was found in the Mbuji-Mayi district of the Democratic Republic of Congo in 1990, and initially weighed 777 carats. It was cut into three pieces, the Millennium Star being the largest of them. De Beers hasn't revealed its actual value, but it has been insured for £100 million.

4. The Spirit of de Grisogono (Top Five Diamonds of the World)
Diamond, Diamonds, Biggest Diamond, Diamond Industry, Israeli Diamond, Jewelry, Color Diamonds, Africa, De Beers, Zale, Gem, Eva Mendes, Wittelsbach, Millennium Star, The Spirit of de Grisogono, The Incomparable Diamond, aka the Star of Africa, The Golden Jubilee

This deep, dark beauty is the world's largest cut black diamond, and the 5th largest diamond overall. Although cut in the same Mogul diamond cutting technique, it is much larger than the Black Orlov, weighing at 312.24 carats, while the original rough diamond was 587 carats. It is set in a white gold ring with 702 smaller white diamonds totaling 36.69 carat. It's whereabouts are currently unknown.
Top Five Diamonds of the World Top Five Diamonds of the World
3. The Incomparable Diamond (Top Five Diamonds of the World)
Diamond, Diamonds, Biggest Diamond, Diamond Industry, Israeli Diamond, Jewelry, Color Diamonds, Africa, De Beers, Zale, Gem, Eva Mendes, Wittelsbach, Millennium Star, The Spirit of de Grisogono, The Incomparable Diamond, aka the Star of Africa, The Golden Jubilee

No diamond can compare to this diamond! Hence the name. Discovered in Mbuji Mayi, its weight as a rough diamond was a whooping 890 carats. After four years of studying the rock, it was cut into a 407.48 carat gem, and is the third largest diamond ever to be cut. And it would have been number one, if it wasn't for those meddling internal flaws! The Incomparable Diamond was cut by a team led by Marvin Samuels, who was the co-owner of the stone together with Donald Zale of Zales Jewellers and Louis Glick.

2. The Cullinan I - aka the Star of Africa (Top Five Diamonds of the World)
Diamond, Diamonds, Biggest Diamond, Diamond Industry, Israeli Diamond, Jewelry, Color Diamonds, Africa, De Beers, Zale, Gem, Eva Mendes, Wittelsbach, Millennium Star, The Spirit of de Grisogono, The Incomparable Diamond, aka the Star of Africa, The Golden Jubilee

The Cullinian Diamond is the largest rough gem-quality diamond ever to be found. It's original weight totaled at 3,106.75! It was cut into nine large gems, the most notable of them being the Cullinan II – The Lesser Star of Africa, and The Cullinan I - the First Star of Africa, weighing 317.4 carats and 530.2 carats respectively. It was named after Sir Thomas Cullinan, who owned the South African diamond mine where the massive rock was found. The estimated value of the Cullinan I is over $400 million!
Top Five Diamonds of the World Top Five Diamonds of the World
1. The Golden Jubilee (Top Five Diamonds of the World)
Diamond, Diamonds, Biggest Diamond, Diamond Industry, Israeli Diamond, Jewelry, Color Diamonds, Africa, De Beers, Zale, Gem, Eva Mendes, Wittelsbach, Millennium Star, The Spirit of de Grisogono, The Incomparable Diamond, aka the Star of Africa, The Golden Jubilee

Here it is ladies and gentleman – The Golden Jubilee! Weighing 545.67 carats, it is today the largest faceted diamond in the world, stealing the title away from Cullinan I in 1985. In the past, in the was called the Unnamed Brown, and was considered an unattractive piece. But after it was treated by Gabriel Tolkowsky, who was instructed by De Beers to test new tools and cutting methods that had never been used before, this ugly ducking was turned into a beautiful yellow-brown diamond. Today, it is the property of the King of Thailand, who received it as a present for the 50th Anniversary of his coronation in 1997.

Top Five Diamonds of the World
http://blog.israelidiamond.co.il/post/Top-Five-Diamonds-of-the-World.aspx

Tuesday, September 13, 2011

หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้ออัญมณี Jewel

หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้ออัญมณี Jewel หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้ออัญมณี Jewel
หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้ออัญมณี การเลือกซื้ออัญมณีถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าหากเลือกไม่ดี หรือดูไม่เป็นก็อาจจะเสียรู้ผู้ขายได้

เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้ออัญมณีจึงควรต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ และต้องเรียนรู้หลักเกณฑ์ในการดูหรือวิธีการเลือกซื้อเอาไว้ด้วย

"การเลือกซื้อพลอย" มีหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อดังนี้
"สี" ควรเลือกซื้อพลอยที่มีสีเข้มสดใส เช่น ทับทิม ควรมีสีแดงสดไม่อมดำ หรืออมม่วง ไพลินควรมีสีน้ำเงินสดไม่อมดำ หรืออมเขียว มรกตควรมีสีเขียวเข้มสด เป็นต้น

"น้ำ" (เนื้อพลอย) ควรมีลักษณะเป็นมันวาว และฉ่ำเหมือนมีน้ำอยู่ข้างใน เนื้อพลอยไม่แห้งเหมือนเอาก้อนพลาสติกมาเจียระไน

"สะอาด" ควรเลือกพลอยที่มีเนื้อใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ไม่มีตำหนิ หรือรอยแตกอยู่ภายในเนื้อ เพราะรอยแตก หรือรอยต่าง ๆ จะทำให้ประกายของพลอยเม็ดนั้นลดความประกายลง

"ไฟ" คือแสงสะท้อนที่มาจากพลอย ให้สังเกตดูว่ามีประกายมากน้อยเพียงใด เมื่อนำมาส่องกับไฟ ซึ่งถ้ามีประกายดีจับตาก็แสดงว่าพลอยนั้นมีคุณภาพดี

"รูปร่าง" พลอยที่ทำการเจียระไนแล้ว อาจมีรูปร่างแตกต่างกันออกไป เช่น รูปหัวใจ รูปหยดน้ำ รูปทรงกลม รูปไข่ รูปมาคีส์ รูปสี่เหลี่ยม หรือรูปทรงอื่น ๆ ตามลักษณะที่ได้ออกแบบไว้ ซึ่งพลอยจะต้องมีรูปร่าง และ***ส่วนที่สวยงาม เช่น ความหนาของเม็ดพลอยต้องได้***ส่วนกับความกว้างของหน้าพลอย ถ้าหน้าพลอยกว้างมากไป แต่ก้นพลอยบางเกินไป จะทำให้ไฟดูไม่เป็นประกาย

"น้ำหนัก" ควรเลือกซื้อพลอยที่มีน้ำหนัก 1 กะรัดขึ้นไป เพราะพลอยที่มีน้ำหนักมากกะรัต จะย่อมมีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับนำไปให้ลูกหลาน หรือเพื่อนำไปขายต่อไป

"ราคา" ควรเลือกซื้อร้านที่น่าเชื่อถือ หรือเป็นที่รู้จัก หรือที่คิดว่าเหมาะสม และไม่แพง เพราะราคาของพลอยในแต่ละร้านย่อมไม่เท่ากัน ซึ่งร้านที่มีราคาถูกมาก พลอยอาจจะไม่ได้คุณภาพก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงควรตัดสินใจให้ดีก่อนซื้อ

"การเลือกซื้อเพชร" มีหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อดังนี้
ถ้าเป็นเพชรชนิดไม่มีสี ควรเลือกที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ไม่อมสีเหลือง หรือน้ำตาล ซึ่งจะทำให้เพชรดูขุ่นมัว
ไม่ควรมีรอยตำหนิหรือรอยขีดข่วนใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าเป็นเพชรสีควรเลือกที่มีสีเข้มสด น้ำสะอาด และไม่มีริ้วรอย
รูปทรง ต้องได้***ส่วนมาตรฐานการเจียระไนต้องดูประณีตเรียบร้อย
ประกายของเพชร เมื่อนำไปส่องกับไฟ ต้องมีประกายที่ดี ไฟแรง ดูสวยงาม

http://pecharapilai.exteen.com/20060823/entry-1

Thursday, September 8, 2011

แบบ แหวนหมั้น เจ้าสาว แหวนแต่งงาน ที่ได้รับความนิยม Top 5 Wedding and Engagement Rings

แบบ แหวนหมั้น เจ้าสาว แหวนแต่งงาน ที่ได้รับความนิยม Top 5 Wedding and Engagement Rings
1. แหวนเม็ดเดี่ยว (Solitaire)
โดยมากรู้จักกันในนามแหวนเพชรเม็ดชู ที่เน้นความเรียบง่าย หมายให้เม็ดกลางแสดงตัวตนได้มากที่สุด รูปทรงมักมีการเปิดให้แสงเข้าถึงเนื้อเพชร รูปแบบ มีให้เลือกทั้งก้านกว้างเท่าหน้าเพชร ก้านเพรียวที่เสมอกันทั้งวง และที่มีการไล่ความหนาบางเพื่อให้เข้ากับ รูปทรงนิ้วของเจ้าสาว หากรูปทรงกลมอิ่มก้านที่กว่างกว่าช่วยให้ทรงแหวนไม่ แลรัดเกินไป หากเป็นนิ้วที่มีข้อกระดูกใหญ่ ก้านทรงกลมเพรียวที่มีการไล่ความกว้างของก้าน จากเล็กไปใหญ่จะช่วยให้ผ่านข้อนิ้วได้ไม่ยาก และยังกระชับเมื่อแหวนเข้าไปนั่งอยู่ที่โคนนิ้ว และหากรูปนิ้วเป็นทรงเรียวราวเทียนแหวนที่มีความหนาของก้านเสมอกันหรือมีการไล่เล็กใหญ่มักช่วยเสริมรูปทรงของนิ้วได้ดียิ่งขึ้น แหวนเม็ดเดี่ยวจะเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมตลอดกาล

2. แหวนรอบนิ้ว (Eternity)
หากแปลตรงตามตัวภาษาอังกฤษ คือ แหวนแห่งนิรันดร์ แหวนหมั้นลักษณะนี้มักจะไ้ด้รับความนิยมในต่างประเทศมากกว่า ส่วนความนิยมในบ้านเรานั้น มักนิยมซื้อเพิ่มเป็นแหวนคัดนิ้วที่สามารถใส่ทุกวันแทนแหวนหมั้นเม็ดเดี่ยว เพราะดูไม่มากไม่น้อยเกินไปหรือบางทีก็เป็นของขวัญที่ดีในโอกาสครบรอบแต่งงานลักษณะของรูปแบบมีตั้งแต่การจับด้วยหนามเตย หรือจะฝังจมห่าง ๆ รอบนิ้วก็ได้อย่างแรกดูแพรวพราวกว่าแต่หากเลือกเพชรเม็ดโตเิกินไป อาจรู้สึกไม่สบายเวลาใส่ได้เพราะจะหุบนิ้วไม่ลงหากแนะนำแหวนประเภทนี้เหมาะกับเจ้าสาวที่มีข้อนิ้วโต เพราะจะใส่ได้ สวย ส่วนอีกรูปแบบจะดูเรียบง่ายกว่ามาก เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เพชรจำนวนมาก หากเป็นการฝังเพชรให้กระจายไปรอบ ๆ นิ้ว ซึ่งจำนวนที่เหมาะสมอาจได้มาจากเลขที่ชอบ เช่นแปดหรือเก้า เป็นต้น ผสมผสานกับขนาดนิ้วและขนาดเพชรแต่ละเม็ด
แบบ แหวนหมั้น เจ้าสาว แหวนแต่งงาน ที่ได้รับความนิยม Top 5 Wedding and Engagement Rings แบบ แหวนหมั้น เจ้าสาว แหวนแต่งงาน ที่ได้รับความนิยม Top 5 Wedding and Engagement Rings
3. แหวนเพชรสามเม็ด (Trilogy)
นิยามของอดีต ปัจจุบัน และอนาคต คือที่มาของรูปแบบแหวนนี้ สำหรับแหวนครบรอบการแต่งงาน หมายจะแทนคำว่า “จะมั่นคง สม่ำเสมอ แม้เวลาจะผ่านไป” โดยที่เพชรทั้งสามเม็ดนั้นมักมีขนาดที่ไม่ต่างกันมากนัก หรือเท่าเสมอกัน โดยไม่มีเม็ดใดดูเด่นแตกต่างไปจากอีกสองเม็ด แต่เมื่อมีการปรับมาใช้เป็น แหวนหมั้นเพชร มักนำเสนอให้เม็ดกลางใหญ่กว่าเม็ดข้าง ๆ และเพื่อให้เม็ดกลางเด่นรับแสงได้ดีที่สุด รูปแบบแหวนประเภทนี้เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่อยากให้แหวนหมั้นดูกระชับเต็มนิ้วมากขึ้น

4. แหวนรูปทรงดอกไม้ (Flora)
เป็นรูปทรงที่มีมาแต่อดีต รูปแบบนี้จะเน้นให้เม็ดกลางดูใหญ่ขึ้น เพราะใช้วิธีการล้อมนางเอกไว้ตรงกลางด้วยบริวารเล็ก ๆ โดยรอบ เพราะแหวนรูปทรงนี้เหมาะกับนิ้วมือมากที่สุดอาจปรับรูปแบบการล้อมของบริวารเล็กน้อย เพื่อเน้นให้เม็ดกลางดูเด่นขึ้น โดยการยกเพชรเม็ดกลาง ให้สูงกว่าเพชรที่นำมาล้อม หรือใช้วิธีการล้อมที่มีการเว้นช่วงอากาศระหว่างเม็ดกลาง กับบริวารเม็ด ล้อมให้ภาพรวมดูเด่นเต็มนิ้ว และสามารถแยกสายตาให้สะดุดที่เม็ดกลางได้เป็นอย่างดี
แบบ แหวนหมั้น เจ้าสาว แหวนแต่งงาน ที่ได้รับความนิยม Top 5 Wedding and Engagement Rings แบบ แหวนหมั้น เจ้าสาว แหวนแต่งงาน ที่ได้รับความนิยม Top 5 Wedding and Engagement Rings
5. แหวนทรงบ่าช้าง (Supporter)
ฝ่ายผู้ใหญ่เชื่อถือโชคลางบอกว่า แหวนรูปทรงนี้เป็นสัญลักษณ์หมายถึง เมื่อแต่งงานกันไปแล้วครอบครัวจะเจริญรุ่งเรืองเพราะมีบริวารสนับสนุนเยอะรูปแบบคือการประดับประดาที่ก้านเพชร เพื่อเสริมให้แหวนดูมีรายละเอียดเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมในห้าปีที่ผ่านมาในต่างประเทศเช่นกัน มักจะเห็นว่านอกจากจะมีการใส่เพชรที่ก้านด้านข้างแล้ว ยังมีการเก็บรายละเอียดงานในด้านความหนาของตัวแหวนเพิ่มเติมอีกด้วย เหมาะสำหรับคนชอบงานที่มีความละเอียด

http://www.centerwedding.com/m44.php

Sunday, September 4, 2011

การเลือกเพชร อย่างง่าย ควรดูอะไรบ้าง Diamond

การเลือกเพชร อย่างง่าย ควรดูอะไรบ้าง Diamond การเลือกเพชร อย่างง่าย ควรดูอะไรบ้าง Diamond
การเลือกเพชร อย่างง่าย ควรดูอะไรบ้าง เลือกเพชรอย่างไรดี นี่เป็นหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดสำหรับคู่บ่าวสาวเลยนะครับเนี่ย ผมเลยมีวิธีการง่ายๆ มาบอกเกี่ยวกันการเลือกซื้อเพชรสักเม็ด เอาแบบไม่ต้องเป็นโปร ก็เลือกเป็นได้ครับ แต่ในที่นี้ยังไม่ได้รวมถึงเรื่องราคานะครับ

ว่ากันตามหลักสูตรก่อนคือ 4Cs ทั้งนี้การเลือกเพชรตามนี้ ผมหมายถึงเพชรที่มีเซอร์เท่านั้นนะครับ เพชรที่ไม่มีเซอร์เชื่อถือไม่ได้ครับ ใบรับรองของร้านค้าก็ไม่นับเป็นเซอร์นะครับ

1. Carat Weight (น้ำหนัก หรือขนาดของเพชรนั่นเองครับ)
อันนี้เลือกง่ายครับดูตามงบประมาณครับ หรือใหญ่จนกว่าจะพอใจก็ได้ครับ
ผมประมาณขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางให้ตามน้ำหนักหลักๆ ดังนี้ครับ
- เพชรน้ำหนัก 0.20 กะรัต (หรือเรียกอีกอย่างว่า 20 สตางค์) เส้นผ่าศูนย์กลางจะประมาณ 3.7-3.8 มม.
- เพชรน้ำหนัก 0.30 กะรัต (หรือเรียกอีกอย่างว่า 30 สตางค์) เส้นผ่าศูนย์กลางจะประมาณ 4.3-4.4 มม.
- เพชรน้ำหนัก 0.40 กะรัต (หรือเรียกอีกอย่างว่า 40 สตางค์) เส้นผ่าศูนย์กลางจะประมาณ 4.7-4.8 มม.
- เพชรน้ำหนัก 0.50 กะรัต (หรือเรียกอีกอย่างว่า 50 สตางค์, ครึ่งกะรัต) เส้นผ่าศูนย์กลางจะประมาณ 5.1-5.2 มม.
- เพชรน้ำหนัก 0.70 กะรัต (หรือเรียกอีกอย่างว่า 70 สตางค์) เส้นผ่าศูนย์กลางจะประมาณ 5.7-5.8 มม.
- เพชรน้ำหนัก 0.90 กะรัต (หรือเรียกอีกอย่างว่า 90 สตางค์) เส้นผ่าศูนย์กลางจะประมาณ 6.1-6.2 มม.
- เพชรน้ำหนัก 1.00 กะรัต (1 กะรัตมี 100 สตางค์) เส้นผ่าศูนย์กลางจะประมาณ 6.4-6.5 มม.
หมายเหตุ: ดูจากตัวเลข แต่ละขนาดอาจจะต่างกันไม่มากแต่ดูเม็ดจริงมักจะดูออกนะครับว่าขนาดต่างกัน

2. Cut Grade (คุณภาพการเจียรระไน)
ควรเลือกโดยดูจากใบรับรองคุณภาพเพชร (Certificate) ที่ออกโดยสถาบันอัญมณีศาสตร์ที่มีชื่อเสียงเช่น GIA, HRD, IGI ฯลฯ ในเซอร์จะมีตัวเลขวุ่นวายมากมายอาจทำให้งง แต่ไม่ต้องสนใจมากก็ได้ครับ การเลือกให้ดูเรื่องหลักๆ ก็พอ โดยดูที่ Cut, Polish, Symetry, หรือ Proportion, Finish ให้ได้ Very Good ขึ้นไปครับ (ได้ Good ก็พอได้แต่คงไม่สวยเท่า) เดี๋ยวนี้จะมีเรื่องการเจียรได้ลักษณะเป็น ลูกศรกับหัวใจ Hearts&Arrow (H&A) คือเหลี่ยมการเจียระไนที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดในขณะนี้อยู่ครับ โดยในใบเซอร์อาจจะระบุไว้ หรือไม่ระบุก็เป็นไปได้ครับ เวลาดูผ่านกล้องดู H&A แล้วด้านใต้เพชรจะเป็นรูปหัวใจเท่าๆกันทั้งแปดด้าน เหมือนกับไอคอนที่ผมใช้อยู่นั่นแหละครับ หากมองจากด้านบนจะเป็นรูปลูกศรทั้งแปดด้านเท่าๆ กันเช่นกันครับ

3. Color (สี หรือความขาวของเพชร) ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะเพชรขาวนะครับ
สีของเพชร จะเริ่มที่ขาวที่สุดคือ D แล้วไล่ลงไปเรื่อยๆ ตามนี้ E, F, G, H, I, J...................Z ส่วนคนไทยเรียกว่าน้ำก็เริ่มจากน้ำ 100 แล้วก็ไล่ลงไปเรื่อยๆ เป็น 99, 98, 97, 96, 95, 94........... เช่นกัน
ตามที่กล่าวมาเพชรน้ำ 100 ก็คือ สี D, น้ำ 99 ก็คือ E, 98 ก็คือ F น้ำยิ่งสูงยิ่งขาว น้ำยิ่งต่ำยิ่งเหลืองครับ การเลือกสีหากใช้ตัวเรือนเป็นทองคำขาว (White Gold) หรือ Platinum ควรเลือกเพชรสี D, E, F (น้ำ 100, 99, 98) ครับ เนื่องจากหากเราใช้เพชรที่ค่อนข้างเหลืองบนตัวเรือนขาวจะเป็นการทำให้เห็นว่าเพชรเหลืองได้ง่ายขึ้น ส่วนหากใช้ตัวเรือนสีทอง (Yellow Gold) ก็อาจใช้เพชรได้ถึงสี G, H, I (น้ำ 97, 96, 95) ก็อาจจะพอดูไม่เหลืองได้ครับ ผมแนะนำแบบการเลือกที่ดีไว้ก่อนครับใครชอบเพชรเหลืองก็แล้วแต่ความเห็นแต่ละท่านไปนะครับ ส่วนตัวผมเห็นความสำคัญของสีมากครับ เพราะสีสามารถดูออกว่าเหลืองได้ด้วยตาเปล่า เวลาใครถามก็ตอบได้อย่างภูมิใจว่าน้ำ 99, น้ำ 100 ครับ

4. Clarity (ความสะอาด หรือสิ่งเจือปนในเพชร) จะเรียงลำดับตามความสะอาดสุดที่มองไม่เห็นสิ่งเจือปน (ตำหนิ) ด้วยกล้องขยาย 10 เท่าลงไปจนสะอาดน้อยสุด ได้ตั้งแต่ IF (LC), VVS1, VVS2, VS1, VS2, SI1, SI2, I1, I2, I3 สำหรับในอเมริกา และยุโรป จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในระดับแค่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นก็เพียงพอ เนื่องจากไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อเพชรที่สะอาดโดยที่ไม่มีผลต่อการมองเห็นด้วยตาเปล่า (คือระดับ SI1 ขึ้นมา) แต่ผมว่าเลือกสะอาดขึ้นอีกนิดสบายใจกว่าครับคือ เลือกเพชรในระดับที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งเจือปนได้ด้วยตาเปล่า คือไม่ต่ำกว่า VS2 และตำหนิไม่มีสี (เลือกได้ตั้งแต่ IF-VS2) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณด้วยครับยิ่งสะอาดก็ยิ่งราคาสูงครับ ใครชอบเพชรสะอาดๆ ตำหนิน้อยก็แล้วแต่ความเห็นแต่ละท่านไปนะครับ ส่วนตัวผมหากไม่ต่ำกว่า VS2 และตำหนิไม่มีสี ผมก็โอเคละ ขอให้เพชรขาวๆ และเจียรสวยๆ ไว้ก่อน ไม่ต้องจ่ายแพงโดยไม่ได้เพชรที่ดูสวยเพิ่มขึ้นมาเลย

5. อีกเรื่องที่มักจะไม่ถูกกล่าวถึงใน 4Cs แต่ควรต้องดูคือเลือกเพชรที่ไม่มี Fluoresence (ไม่มีการเรืองแสง) หรือหากมีก็ไม่ควรมีการเรืองแสงเกินระดับ Faint, Slight (จางๆ )

6. สุดท้ายก็เรื่องราคาควรดูราคาอ้างอิงจาก Rapaport เป็นหลักครับ หากไม่ทราบราคาที่เหมาะสม ก่อนซื้อเพชรก็แวะมาสอบถามผมที่นี่ก็ได้ครับ

http://www.thaiweddingmall.com/wedding/content/Webboard_topic.asp?TopicID=Topic-07081742151260&BoardID=Board-06082921310022&sp=TWM-05112917393400144
http://seesite.blogspot.com/2010/10/blog-post_24.html

Thursday, September 1, 2011

วิธีเลือกซื้อเพชร Diamond

วิธีเลือกซื้อเพชร Diamond วิธีเลือกซื้อเพชร Diamond
เดี่ยวนี้ร้านเพชรมีมากมาย ไม่เชื่อลองไปดูในห้าง จะเห็นบูธขายเพชรเต็มไปหมด มีหลากหลายแบรนด์ หลากหลายดีไซน์ หรือถ้าจะเป็นร้านดังเลยก็มี แต่สาวๆ ที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับเพชร คงเริ่มกังวลว่าหากจะซื้อขึ้นมาจริงๆ จะต้องเลือกอย่างไร เพราะซื้อเพชรไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะคะ โชคดีว่าเรามีสถาบันต่างๆ ในการคัดเกรดเพชร ที่ยังบอกถึงวิธีการเลือกเพชรให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจซื้อเพชรอีกด้วย อย่างเช่นสถาบัน Gemological Institute of America หรือ G.I.A. ที่ให้ข้อแนะนำไว้ดังนี้

1. วิธีการดูน้ำหนักเพชร ว่ามีกี่กะรัตนั้นต้องจำไว้ว่า 1 กะรัต เท่ากับ 200 มิลลิกรัม ร้านเพชรบางแห่งอาจจะใช้ระบบ Point หรือจุดสำหรับเพชรที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กะรัต นั่นก็คือ 1 กะรัตเท่ากับ 100 Point ครึ่งกะรัตเท่ากับ 0.5 Point

2. วิธีการดูความใสสะอาดของเพชร เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเพชรนั้นมีตำหนิหรือไม่ โดยทางสถาบัน สถาบัน G.I.A. จะใช้ระบบเกรดตั้งแต่ FL ถึง 13 กล่าวคือ FL คือเกรดเพชรที่ไม่มีตำหนิใดๆ และหายากมากๆ ส่วนเกรด 11, 12 หรือ 13 หมายถึงเพชรที่คุณสามารถเห็นตำหนิได้ด้วยตาเปล่า ฉะนั้นแบบนี้ไม่ควรซื้อค่ะ

3. วิธีการดูสีเพชร สีของเพชรนั้นจะถูกกำหนดากความเหลืองที่มีอยู่ในเพชรเม็ดนั้น ทางสถาบัน G.I.A. โดยส่วนใหญ่เพชรสำหรับแหวนหมั้น มักจะใช้เกรดสี G หรือ H เพราะยังถือว่าขาว และแทบไม่เห็นสีเหลือง ส่วนใครอยากรู้ เกรด D ราคาเท่าไหร่ ไปถามในร้านดูสิค่ะ เพราะมันแพงเหลือหลายค่ะ

4. การดูคัทของเพชร การดูทรงเหลี่ยม สัดส่วน สไตล์ของเพชรแต่ละเม็ด โดยส่วนใหญ่จะกำหนดคัทของเพชรจากทรงของมัน นักลงทุนส่วนใหญ่จะเลือกทรงกลม เพราะมีค่ามากกว่าทรงอื่นๆ หรืออย่างแหวนหมั้นหนิงคัท Heart & Arrow หรือคัทหัวใจและลูกศร ก็คือเวลาเล่นกับไฟ เมื่อดูเพชรดีๆ เห็นรูปหัวใจและลูกศรอยู่ข้างในเพชร แน่นอนนะคะว่าเพชรที่มีคัทพิเศษหน่อยก็ราคาสูงกว่าคัทแบบธรรมดาค่ะ

เอาล่ะค่ะ พอจะรู้วิธีการเลือกเพชรกันแล้ว เวลาจะไปซื้อจะไดทันคนขาย ทีนี้ก็มาถึงการเลือกซื้อจริงๆ แล้วล่ะ อย่าใจร้อนเชียวนะคะ การซื้อเพชรต้องใช้เวลาค่อยๆ ดู ศึกษามัน แล้วค่อยตัดสินใจ เพราะราคาไม่ใช่ถูกๆ หนิงเลยมีวิธีการหรือขั้นตอนในการซื้อเพชรที่หนิงใช้อยู่เป็นประจำมาฝากค่ะ

วิธีเลือกซื้อเพชร ประการแรก ถามตัวเองให้ดีก่อนว่าอยากได้เครื่องประดับเพชรแบบไหน และที่สำคัญที่สุดมีงบประมาณเท่าไหร่

วิธีเลือกซื้อเพชร ประการที่สอง ต้องเลือกร้านที่ไว้ใจได้ น่าเชื่อถือ และแน่นอนต้องมี certificate หรือคนไทยเรียกว่า ใบเซอร์ พูดง่ายก็คือเป็นใบประกาศที่ได้รับรองจากสถาบัน ซึ่งในอนาคตหากคุณไปขายต่อก็จะง่ายขึ้น และราคาไม่ตก แถมยังเป็นการรับประกันว่าของคุณนั้นเพชรจริงแท้แน่นอน ร้านเพชรที่ดีจะไม่คะยั้นคะยอให้คุณซื้อ แต่จะให้คุณคิดพิจารณาตามสบาย กลับบ้านไปคิดอีก 2 อาทิตย์ก็ได้ หากคุณเข้าร้านไหนแล้วไม่สบายใจ อย่าเกรงใจไปเลยนะคะ ยังมีร้านอื่นๆ อีกมากมายให้คุณเลือก

วิธีเลือกซื้อเพชร ประการที่สาม อย่างที่บอกไปแล้ว ก่อนซื้อเพชรก็ต้องมีความรู้เรื่องเพชรให้คนขายได้เห็น นั่นก็คือ 4C ข้างต้นที่หนิงบอกไปแล้ว carat, color, clarity และ cut จะได้ไม่โดนคนขายหลอกเอานะคะ

วิธีเลือกซื้อเพชร ประการที่สี่ พยายามเลือกเพชรที่ส่องประกายวับวาว เจิดจรัส และเล่นไฟ เพื่อจะได้ไปส่องตาใครต่อใครเวลาที่ส่วมใส่ไงละคะ

วิธีเลือกซื้อเพชร ประการที่ห้า พยายามเปรียบเทียบราคาแต่ละร้าน ใช่แล้วค่ะ จะเลือกซื้อทั้งที ต้องดูหลายๆ ที่นะคะ บางแห่งเพิ่มราคาสูงเพราะค่าเช่าสถานที่อาจจะแพง ฉะนั้น้องเลือกให้ดี ราคาสมเหตุสมผล หรือถ้าไปแหล่งขายเพชรเลยก็มั่นใจได้ว่าไม่น่าจะเพิ่มราคาค่าเช่าที่มากนัก

วิธีเลือกซื้อเพชร ประการที่หก อย่าลืมดูบริการหลังการขายด้วยค่ะ ว่าร้านที่คุณจะซื้อนั้น จะให้บริการหลังการขายอะไรบ้าง อย่างเช่นทำความสะอาดให้ตลอดชีพ หรืออาจจะเปลี่ยนตัวเรือนหรือในแบบราคาพิเศษ ถ้าได้ร้านแบบนี้ก็ถือว่าโชคดีคะ

วิธีเลือกซื้อเพชร ประการที่เจ็ด ซื้อแล้วบางร้านยังมีบริการทำเลเซอร์สลักชื่อ หรือวันเดือนปีเกิดให้บนตัวอักษรย่อ พร้อมวันเดือนปีที่หมั้น ซึ่งสามารถสร้างคุณค่าทางจิตใจได้ด้วยค่ะ

วิธีเลือกซื้อเพชร ประการสุดท้าย ซื้อแล้วก็ดูหน้าดูหลังด้วยนะคะ ไม่ใช่มัวแต่ชื่นชม จนไม่รู้ว่าอาจมีมิจฉาชีพแอบดูคุณอยู่ ทางที่ดีที่สุด อย่าไปซื้อคนเดียว ได้ของแล้วเก็บให้มิดชิด หรือไม่ก็ใส่ไว้เลยค่ะ

http://women.sanook.com/wedding/tips/tips_44824.php
http://www.learners.in.th/blog/innovatorthai035/316894?page=1&locale=th
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...